เซต

21:08:00 THE MATHRIC Q&A 0 Comments




เซต
เป็นคำที่ใช้บ่งบอกถึงกลุ่มของสิ่งต่างๆ และเมื่อกล่าวถึงกลุ่มใดแน่นอนว่าสิ่งใดอยู่ในกลุ่ม สิ่งใดไม่อยู่ในกลุ่ม เช่น
 เซตสระในภาษาอังกฤษ  หมายถึง  กลุ่มของอังกฤษ  a, e, i, o และ u
 เซตของจำนวนนับที่น้อยกว่า 10 หมายถึง  กลุ่มตัวเลข 1,2,3,4,5,6,7,8,และ9
 สิ่งที่ในเชตเรียกว่า  สมาชิก  ( element หรือ members )

การเขียนเซต
การเขียนเซตอาจเขียนได้ 2  แบบ
1 การเขียนเซตแบบแจกแจงสมาชิก  เขียนสมาชิกทุกตัวลงในเครื่องหมายวงเล็บปีกกา { }  และใช้เครื่องหมายจุลภาค ( , ) คั่นระหว่างสมาชิกแต่ละตัว  เช่น
 เซตของจำนวนนับที่น้อยกว่า  7  เขียนแทนด้วย  {1,2,3,4,5,6,}
 เซตของพยัญชนะไทย  5  ตัวแรก  เขียนแทนด้วย  { ,,,,}
2.เขียนแบบบอกเงื่อนไข  ใช้ตัวแปรเขียนแทนสมาชิกของเซต  แล้วบรรยายสมบัติของสมาชิกที่อยู่รูปของตัวแปร  เช่น
 {x| x เป็นสระในภาษาอังกฤษ } อ่านว่า เซตของ x โดยที่ x เป็นสระในภาษาอังกฤษ
{x| x  เป็นเดือนแรกและเดือนสุดท้ายของปี } อ่านว่า เซตของ xโดยที่ x เป็นเดือนแรกและเดือนสุดท้ายของปี
เครื่องหมาย “ | ”  แทนคำว่า  โดยที่
ในการเขียนเซตแบบแจกแจงสมาชิกนั้นจะใช้จุด ( ... )  เพื่อแสดงว่ามีสมาชิกอื่นๆ ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่ามีอะไรบ้างที่อยู่ในเซต  เช่น
            { 1,2,3,...,10 }  สัญลักษณ์ ... แสดงว่ามี 4,5,6,7,8 และ9 เป็นสมาชิกของเซต
{ วันจันทร์, อังคาร, พุธ,..., อาทิตย์ } สัญลักษณ์ ... แสดงว่ามีวันพฤหัสบดี  วันศุกร์  และวันเสาร์  เป็นสมาชิกของเซต

สัญลักษณ์แทนเซต
ในการเขียนเซตโดยที่ทั่วไปจะแทนเซตด้วยอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่  เช่น A,B,C และแทนสมาชิกของเซตด้วยตัวพิมพ์เล็ก เช่น a,b,c เช่น
  A = {1,4,9,16,25,36}  หมายถึง A เป็นเซตของกำลังสองของจำนวนนับหกจำนวนแรก }
สมาชิกของเซต
จะใช้สัญลักษณ์  ”  แทนเป็นสมาชิกที่มีอยู่ในเซต เช่น
A = {1,2,3,4}
จะได้ว่า1เป็นสมาชิกของ  A หรืออยู่ใน A เขียนแทนด้วย  1A
 3เป็นสมาชิกของ  A  หรืออยู่ใน A เขียนแทนด้วย  3A แทนเป็นสมาชิกที่มีอยู่ในเซต
คำว่า “ไม่เป็นสมาชิก” หรือ “ไม่อยู่ใน”  เขียนด้วยสัญลักษณ์  “  ”  เช่น
5  ไม่เป็นสมาชิกของ A หรือไม่อยู่ใน A เขียนแทน 5A
ไม่เป็นสมชิกชอง A หรือไม่อยู่ใน A เขียนแทนด้วย  7A

เซตว่าง
เซตที่ไม่มีสมาชิก สัญลักษณ์ที่ใช้ในเซตว่าง คือ {} หรือ( อ่านว่าไฟ (phi))
เซตจำกัด

เซตซึ่งมีจำนวนสมาชิกเต็มบวกหรือศูนย์
ตัวอย่างเซตจำกัด ได้แก่
       
              A = {0,2,4,…,10} , n(A) = 11
 B = {x| x เป็นพยัญชนะในคำว่า “เซตว่าง” }, n( A ) =  4
             C = {1,2,…,8}

เซตอนันต์
เซตที่มีจำนวนมากมาย  นับไม่ถ้วน
ตัวอย่างเซตอนันต์ ได้แก่
                      A = {x| x เป็นจำนวนเฉพาะที่มากกว่า 5 }
                      B = {x| x 3,7,11,15,…}
                       C = {1,2,3,…}

ข้อตกลงเกี่ยวกับเซต
1. เซตว่างเป็นเซตจำกัด
2.การเขียนเซตแบบแจกแจงสมาชิกเขียนสมาชิกแต่ละตัวเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
         เช่น เซตของเลขโดดที่อยู่ในจำนวน 232 คือ {2,3}
3.เซตของจำนวนที่มักจะกล่าวถึงเสมอและใช้กันทั่วไป  มีดังนี้
เป็นเซตของจำนวนเต็ม หรือ I = {…,-2,-1,0,1,2,...}
เป็นเซตของจำนวนเต็มบวก หรือ I = {1,2,3,…}
เป็นเซตของจำนวนเต็มลบ หรือ I = {-1,-2,-3,…}
เป็นเซตของจำนวนนับ หรือ N = {1, 2, 3,…}
เป็นเชตของจำนวนเฉพาะ หรือ P = { 2, 3 , 5 , 7,…}

เซตที่เท่ากัน
เซต A = B หมายถึง สมาชิกทุกตัวของเซต A เป็นสมาชิก ของเซต A เป็นสมาชิกของเซต B เป็นสมาชิกของเซต A เท่ากับเซต B เขียนแทนด้วย A = B

เซตไม่เท่ากัน
เซตไม่เท่ากับเซต B หมายความว่า มีสมาชิกอย่างน้อยหนึ่งตัวของเซต A ที่ไม่ใช้สมาชิกของเซต B หรือมีสมาชิกอย่างน้อยของเซต B ที่ไม่ใช่สมาชิกของเซต A เขียนแทนด้วย เซต A B
ตัวอย่างที่  1    A = {0,1,2 } และ  B = {2,0,1}
ดั้งนั้น เซต A เท่ากันกับเซต B เขียนแทนด้วย  A = B
คัวอย่างที่  2   กำหนด A= {1,1,2,4,5,6} , B ={2,1,2,4,5,6}, 
จงหาว่ามีเซตใดบ้างที่เท่ากัน
              วิธีทำ      A = {1,1,2,4,5,6}, B ={2,1,2,4,5,6}
                               จะได้  A=B เพราะมีสมาชิกเหมือนกันทุกตัว

            เอกภพสัมพัทธ์ 
 เซตที่กำหนดขอบเขตของสิ่งที่ต้องการศึกษา  ซึ่งถือว่าเป็นเซตที่ใหญ่ที่สุด  โดยมีข้อตกลงว่า  ต่อไปจะกล่าวถึงสมาชิกของเซตนี้เท่านั้น จะไม่มีการกล่าวถึงสิ่งใดที่นอกเหนือไปจากสมาชิกของเซตที่กำหนดขึ้นนี้ โดยทั่วไปนิยมใช้สัญลักษณ์   U  แทนเอกภพสัมพัทธ์
 ตัวอย่างเช่น    ถ้าเราจะศึกษาเกี่ยวกับจำนวนเต็ม
                        U = {...,-2,-1,0,1,2,...}       หรือ      U = {x | x เป็นจำนวนเต็ม.}

                        สับเซต และเพาเวอร์เซต
                        สับเซต
เซต A เป็นสับเซตของเซต B ก็ต่อเมื่อ สมาชิกทุกตัวของเซต A เป็นสมาชิกของเซต B และสามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A B
                          ตัวอย่างที่ 1       A = {123}
                                                              B = { 12345}
                              A  B
                          ตัวอย่างที่ 2      C = { x | x เป็นจำนวนเต็มบวก } = {1,2,3,...}
                                                 D = { x | x เป็นจำนวนคี่ } = {...,-3,-1,1,3,...}
                             C  D

                          ตัวอย่างที่ 3     E = { 0,1,2 }
                                               F = { 2,1,0 }
                           E  F และ F  E
             จากตัวอย่างที่ 3 จะเห็นว่า E  F และ F  E แล้ว E = F
   สับเซตแท้ 
เซต A จะเป็นสับเซตแท้ของเซต B ก็ต่อเมื่อ A  B และ A B
              จำนวนสับเซต        
ถ้า A เป็นเซตที่มีสมาชิก n สมาชิกแล้ว จำนวนสับเซตของเซต A จะมี 2เซต และในจำนวนนี้เป็นสับเซตแท้ 2n - 1 เซต

            เพาเวอร์เซต
เพาเวอร์เซตของเซต A คือ เซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสับเซตทั้งหมดของเซต A และสามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ P(A)
  ตัวอย่างที่ 1     A = Ø
              สับเซตทั้งหมดของ A คือ Ø
                   P(A) = {Ø }
   ตัวอย่างที่ 2    B = {1}
              สับเซตทั้งหมดของ B คือ Ø, {1}
                     P(B) = {Ø, {1} }
   ตัวอย่างที่ 3     C = {1,2}
              สับเซตทั้งหมดของ C คือ Ø, {1} , {2}, {1,2}
                   P(C) ={Ø, {1} , {2}, {1,2} }


การเขียนแผนภาพแทนเซต อินเตอร์เซกชัน คอมพลีเมนต์ และผลต่าง
การเขียนแผนภาพแทนเซต
ในการเขียนแผนภาพแทนเซต เราเขียนรูปปิดสี่เหลี่ยมมุมฉากแทนเอกภพสัมพัทธ์ และรูปปิดวงกลม หรือวงรีแทนสับเซต   ของเอกภพสัมพัทธ์ ดังนี้




       เราเรียกแผนภาพดังกล่าวข้างต้นนี้ว่า "แผนภาพเวนน์ - ออยเลอร์" (Venn-Euler Diagram)

ยูเนียน (Union)
เซต A ยูเนียนกับเซต B คือเซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของเซต A หรือ เซต B หรือทั้ง A และ B สามารถเขียนแทนได้ด้วย สัญลักษณ์ A  B
              ตัวอย่างเช่น           A ={1,2,3}
                                        B= {3,4,5}
                             A  B = {1,2,3,4,5}




อินเตอร์เซกชัน (Intersection)
เซต A อินเตอร์เซกชันเซต B คือ เซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของเซต A และเซต B สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A B
ตัวอย่างเช่น           A ={1,2,3}
                                                         B= {3,4,5}
                                                 A B = {3}




คอมพลีเมนต์ (Complements)
ถ้าเซต A ใดๆ ในเอกภพสัมพัทธ์ U แล้วคอมพลีเมนต์ของเซต A คือ เซตที่ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของ U แต่ไม่เป็นสมาชิกของ A สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A'
                           ตัวอย่างเช่น           U = {1,2,3,4,5}
                                                     A ={1,2,3}
                                         A' = {4,5}
 




ผลต่าง (Difference)
ถ้าเซต A และ B เป็นเซตใดๆในเอกภพสัมพัทธ์ u เดียวกันแล้ว ผลต่างของเซต A และ B คือ เซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของเซต A แต่ไม่เป็นสมาชิกของเซต B สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A - B
                        ตัวอย่างเช่น           A ={1,2,3}
                                                               B= {3,4,5}
                                                 A - B = {1,2}



จำนวนสมาชิกเซตจำกัด
             ถ้า A เป็นเซตจำกัดแล้ว สามารถเขียนแทนจำนวนสมาชิกของเซต A ด้วย n(A)
ถ้า A และ B เป็นเซตจำกัดที่อยู่ในเอกภพสัมพัทธ์ U แล้ว

              



n(A ) = n(A) + n(B) - n(A B)
                                    n(A - B) = n(A) - n(A B)
                                     n(B - A) = n(B) - n(A B)


ถ้า A, B และ C เป็นเซตจำกัดที่อยู่ในเอกภพสัมพัทธ์ U แล้ว


n(A  B  C )      = n(A) + n(B) + n(C) - n(A B) - n(A C) - n(B C) + n(A B C)




0 ความคิดเห็น: