เมทริกซ์
เมทริกซ์
การเขียนเมทริกซ์
เป็นชุดตัวเลขที่อยู่ภายในเครื่องหมาย
[ ] รือ ( ) ซึ่งมีการจัดเรียงในแนวนอนหรือแนวแถว และแนวตั้งหรือ สดมภ์
แนวตั้งหรือสดมภ์ แนวนอน
หรือ แนวแถว
ตัวอย่าง 1 เป็นตัวอย่างของเมทริกซ์ที่มี
3 แถวและ 2 สดมภ์
2 สดมภ์
โดยมีตัวเลขที่เรียงในแถวที่
1 คือ 1 2
แถวที่ 2 คือ 3 4
แถวที่ 3 คือ 5 6
แถวที่ 2 คือ 3 4
แถวที่ 3 คือ 5 6
สมาชิก
เป็นตัวเลขที่อยู่ภายในเมทริกซ์จากตัวอย่าง
9.1 สมาชิกมีเลข 1 2 3 4 5 6 คือ
สมาชิก
สมาชิก

มิติ
เป็นตัวเลขที่แสดงถึงจำนวนแถว
คูณจำนวนสดมภ์ จากตัวอย่าง 9.1 มิติเป็น 3x2
ขนาด
เป็นผลคูณของจำนวนแถวกับจำนวนสดมภ์ จากตัวอย่าง 9.1 ขนาดเป็น 6
เป็นผลคูณของจำนวนแถวกับจำนวนสดมภ์ จากตัวอย่าง 9.1 ขนาดเป็น 6
การตั้งชื่อ
การตั้งชื่อของเมทริกซ์และสมาชิก
ก. การตั้งชื่อของเมทริกซ์
จะใช้อักษรภาษาอังกฤษตัวใหญ่
เช่น A, B, C, ... เมื่อตั้งชื่อเมทริกซ์แล้วจะตามด้วยเครื่องหมาย
'=' และ
เมทริกซ์ที่ประกอบด้วยสมาชิกจากตัวอย่าง
9.1
อาจตั้งชื่อเมทริกซ์เป็น A
ดังนี้
ซึ่ง A เป็นชื่อของเมทริกซ์และตามด้วยเครื่องหมาย "=" ที่ประกอบด้วย
สมาชิก 1 2 3 4 5 6
ข. การตั้งชื่อสมาชิก
จะใช้อักษรภาษาอังกฤษตัวเล็ก พร้อมทั้งระบุตำแหน่งแถวและสดมภ์กำกับเป็นตัวห้อย
เช่น a12 หมายถึง สมาชิกที่อยู่ในตำแหน่งแถวที่ 1 และ สดมภ์ที่ 2 สำหรับอักษร a จะใช้ชื่อให้สอดคล้องกับชื่อของเมทริกซ์
ดังนั้นเมทริกซ์ใดๆ
สามารถเขียนเป็นรูปทั่วไปดังนี้
เมื่อ A มีมิติเป็น m x n
โดยมี a11 อยู่ในแถวที่ 1 และสดมภ์ที่ 1
a12 อยู่ในแถวที่ 1 และสดมภ์ที่ 2
:
amn อยู่ในแถวที่ m และสดมภ์ที่ n
a12 อยู่ในแถวที่ 1 และสดมภ์ที่ 2
:
amn อยู่ในแถวที่ m และสดมภ์ที่ n
เมทริกซ์จัตุรัส
เช่น
A =
เป็นเมทริกซ์จัตุรัสมิติ
2x2 ที่มีจำนวนแถว 2 แถวและจำนวนสดมภ์ 2
สดมภ์

B =
เป็นเมทริกซ์จัตุรัสมิติ
3x3 ที่มีจำนวนแถว 3 แถวและจำนวนสดมภ์ 3
สดมภ์

เมทริกซ์เอกลักษณ์
เป็นเมทริกซ์จัตุรัสที่สมาชิกในตำแหน่งแถวเท่ากับตำแหน่งสดมภ์จะมีสมาชิกมีค่าเป็น 1 และในทางกลับกันสมาชิก
ในตำแหน่งแถวไม่เท่ากับตำแหน่งสดมภ์
จะมีสมาชิกมีค่าเป็น 0
ตัวอย่าง 2 เป็นตัวอย่างของเมทริกซ์เอกลักษณ์มิติ
2x2



เป็นเมทริกซ์เอกลักษณ์มิติ
2x2 ตำแหน่งแถวเท่ากับตำแหน่งสดมภ์
มีสมาชิกในตำแหน่งแถวที่ 1 สดมภ์ที่ 1
และสมาชิกที่อยู่ตำแหน่งแถวที่ 2 สดมภ์ที่ 2 มีค่าสมาชิกเป็น 1 ตำแหน่งแถวไม่เท่ากับตำแหน่งสดมภ์ สมาชิกที่อยู่
ในตำแหน่งแถวที่ 1 สดมภ์ที่ 2 และ สมาชิกที่อยู่ในตำแหน่งแถวที่ 2 สดมภ์ที่ 1 มีค่าเป็น 0
ตัวอย่าง 3 แสดงเมทริกซ์เอกลักษณ์มิติ
3x3
B =


B เป็นเมทริกซ์เอกลักษณ์มิติ
3x3 ที่มีสมาชิกที่อยู่ในตำแหน่งแถวที่
1 สดมภ์ที่ 1, ตำแหน่งแถวที่ 2 สดมภ์ที่ 2
และ ตำแหน่งแถวที่ 3 สดมภ์ที่ 3 เป็น 1 เพราะตำแหน่งแถวเท่ากับตำแหน่งสดมภ์ ที่เหลือของสมาชิกมีค่าเป็น 0
เพราะตำแหน่งแถวไม่เท่ากับตำแหน่งสดมภ์
ดังนั้นสามารถเขียนสมาชิกของเมทริกซ์เอกลักษณ์เป็นรูปทั่วไปได้ดังนี้
aij =
|
,
i เท่ากับ j
|
|
,
i ไม่เท่ากับ j
|
เมื่อ i เป็นตำแหน่งแถว และ j เป็นตำแหน่งสดมภ์
aij เป็นสมาชิกของตำแหน่งแถวที่ i และตำแหน่งสดมภ์ที่ j
aij เป็นสมาชิกของตำแหน่งแถวที่ i และตำแหน่งสดมภ์ที่ j
เมทริกซ์ศูนย์
เป็นเมทริกซ์ที่มีสมาชิกทุกตัวเป็นศูนย์
ตัวอย่าง 4 แสดงเมทริกซ์ที่มีสมาชิกเป็นศูนย์ทั้งที่เป็นไม่ใช่เมทริกซ์จัตุรัสและเมทริกซ์จัตุรัส





จะเห็นว่าเมทริกซ์ทางซ้าย ตอนกลาง เป็นเมทริกซ์ที่ไม่ใช่จัตุรัส
แต่ที่สมาชิกเป็นศูนย์ ส่วนเมทริกซ์ขวาสุด
เป็นเมทริกซ์จัตุรัส
ที่มีสมาชิกทุกตัวเป็นศูนย์
เมทริกซ์ทแยงมุม
เป็นเมทริกซ์จัตุรัสที่มีสมาชิกที่อยู่เหนือและใต้ทแยงมุมเป็นศูนย์
ตัวอย่าง 5 แสดงเมทริกซ์ทแยงมุมที่มีมิติ
2x2, 3x3
ข้อสังเกต สมาชิกที่อยู่ในแนวทแยงมุมมีค่าไม่เท่ากัน
แต่สมาชิกที่อยู่เหนือหรือใต้เส้นทแยงมุมเป็นศูนย์
เมทริกซ์สเกลาร์
เป็นเมทริกซ์จัตุรัส
ที่มีสมาชิกที่อยู่ในแนวทแยงมุมเท่ากัน และสมาชิกที่อยู่เหนือ, ใต้ทแยงมุมเป็นศูนย์
ตัวอย่าง 6 แสดงเมทริกซ์สเกลาร์มิติ
2x2, 3x3



จะเห็นว่าสมาชิกในแนวทแยงมีค่าเท่ากันแต่สมาชิกที่อยู่เหนือทแยงมุมและใต้ทแยงมุมเป็นศูนย์
เมทริกซ์สลับเปลี่ยน
เป็นเมทริกซ์ที่มีสมาชิกที่อยู่ในแนวแถวมาจากสมาชิกในแนวสดมภ์หรือสมาชิกที่อยู่ในแนวสมาชิกที่อยู่ในแนวสดมภ์
เป็นสมาชิกในแนวแถว
ซึ่งมีสัญลักษณ์ เป็น AT หรือ At
ซึ่งมีสัญลักษณ์ เป็น AT หรือ At
ตัวอย่าง 7 ให้ A
เป็นเมทริกซ์มิติ 2x2 และ B เป็นเมทริกซ์มิติ 2x3
A =
, B = 


2 x 2
2 x 3
จงหาเมทริกซ์สลับเปลี่ยน
AT, BT
วิธีทำ
2 x 2 3 x
2
ข้อสังเกตุ มิติของเมทริกซ์สลับเปลี่ยน
จะสลับที่กับมิติของเมทริกซ์เดิม
การบวกลบเมทริกซ์
ในการที่เมทริกซ์ตั้งแต่
2 เมทริกซ์ขึ้นไปจะนำมาบวกลบกันได้จะต้องมีมิติเดียวกัน
หลังจากนั้นให้นำสมาชิกที่อยู่ใน
ตำแหน่งแถว
และตำแหน่งสดมภ์ตรงกันมาบวกลบกันได้ ผลลัพธ์ที่ได้ใส่ไว้ที่ตำแหน่งแถว
และสดมภ์นั้นของเมทริกซ์ที่เก็บ
ผลลัพธ์ของการบวกและลบ
ซึ่งจะมีมิติเท่ากับมิติของเมทริกซ์ที่นำ
มาบวก ลบกัน
มาบวก ลบกัน
ตัวอย่าง 8 แสดงถึงเมทริกซ์ใดที่สามารถบวก
ลบกันได้
ให้ A =
[1 2 3]
B =
B =

C = [7 8 9]
จะเห็นว่าเมทริกซ์ที่สามารถบวกลบกันได้นั้น
มีเมทริกซ์ A กับ C เท่านั้นเพราะว่าเมทริกซ์
A กับ C มีมิติเดียวกัน
คือ 1x3 ซึ่งสัญลักษณ์สำหรับการบวก
ลบ คือ + -
ดังนั้น
ดังนั้น
A+C = [1 2
3] + [7 8 9]
A+C = [ 1+7 2+8 3+9 ] สมาชิกที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน สามารถ บวกกันได้เช่นสมาชิก 1, 7
A+C = [ 1+7 2+8 3+9 ] สมาชิกที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน สามารถ บวกกันได้เช่นสมาชิก 1, 7
อยู่ในตำแหน่งเดียวกันคืออยู่ที่แถวที่ 1 และสดมภ์ที่ 1
= [ 8
10 12 ]
A-C = [1 2
3] - [7 8 9]
A-C = [
1-7 2-8
3-9 ] สมาชิกที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน
สามารถ ลบกันได้
= [ -6 -6 -6 ]
= [ -6 -6 -6 ]
จากการบวกลบเมทริกซ์
สามารถเขียนเป็นรูปทั่วไปของการบวกลบได้ดังนี้
ให้ A
= [aij] และ B = [bij] ที่เป็นเมทริกซ์มิติ
mxn
แล้ว
ผลบวกของเมทริกซ์ A กับเมทริกซ์ B เป็น A+B ซึ่งมีค่าเป็น [aij + bij] มิติ mxn
ผลบวกของเมทริกซ์ A กับเมทริกซ์ B เป็น A+B ซึ่งมีค่าเป็น [aij + bij] มิติ mxn
ผลลบของเมทริกซ์ A กับเมทริกซ์ B เป็น A-B ซึ่งมีค่าเป็น
[aij - bij]
มิติ mxn
ตัวอย่าง 9
บริษัทแห่งหนึ่งมี 2 สาขา จำหน่ายอะไหล่รถจักรยานยนต์
เช่นหมวกกันน๊อค ซึ่งแต่ละสาขาได้แสดงข้อมูล
ของการจำหน่ายหมวกกันน๊อค
เป็นจำนวนใบต่อวัน แยกตามสีและแบบ ดังนี้
อยากทราบว่าจำหน่ายหมวกกันน๊อคทั้งหมดของทั้ง
2 สาขา แยกตาม
สีและแบบจำนวนกี่ใบ
วิธีทำ
จากข้อมูลสาขาที่
1 แปลงเป็นเมทริกซ์ได้เป็น

และสาขาที่
2 แปลงเป็นเมทริกซ์เป็น

ดังนั้น
ทั้งสองเมทริกซ์ คำนวณหาค่าของผลรวมของเมทริกซ์ได้ดังนี้
+
=
ทั้งสองเมทริกซ์ คำนวณหาค่าของผลรวมของเมทริกซ์ได้ดังนี้



=

การคูณเมทริกซ์
มี 2 แบบคือ
9.4.1 ตัวเลขคงที่ใดๆ หรือตัวอักษรที่เป็นค่าคงที่ คูณกับเมทริกซ์
9.4.2 เมทริกซ์คูณกับเมทริกซ์
9.4.1 ตัวเลขคงที่ใดๆ หรือตัวอักษรที่เป็นค่าคงที่ คูณกับเมทริกซ์
9.4.2 เมทริกซ์คูณกับเมทริกซ์
9.4.1 ตัวเลขคงที่ใดๆ
หรือตัวอักษรที่เป็นค่าคงที่ คูณกับเมทริกซ์
ให้นำค่าคงที่นั้นหรือตัวอักษรนั้นคูณเข้ากับสมาชิกทุกตัวของเมทริกซ์
ตัวอย่าง 2.10 ให้ A เป็นเมทริกซ์มิติ 1x3
A = [ 1 2 3 ]
จงหาค่าของ 10A
A = [ 1 2 3 ]
จงหาค่าของ 10A
วิธีทำ
10A = [ 1x10 2x10 3x10 ] จะเห็นว่าสมาชิกทุกตัวถูกคูณด้วย 10
= [ 10 20 30 ]
10A = [ 1x10 2x10 3x10 ] จะเห็นว่าสมาชิกทุกตัวถูกคูณด้วย 10
= [ 10 20 30 ]
ตัวอย่าง 2.11 พ่อค้าคนหนึ่งซื้อผลไม้มาขายเพียง
3 ชนิดคือ ส้ม มะม่วง และกล้วย ซึ่งได้แสดงต้นทุนคิดเป็นต่อ 1
กิโลกรัม
พ่อค้าคนนี้ต้องการนำผลไม้เหล่านั้นไปขาย โดยมีความต้องการที่จะให้ได้กำไรกิโลกรัมละ 10% ของผลไม้ทุกชนิด
จงคำนวณหาราคาขายต่อกิโลกรัม
เมื่อต้องการกำไร
10% ราคาขายแสดงเป็นเมทริกซ์ได้ดังนี้
= 

เมทริกซ์คูณกับเมทริกซ์
เมทริกซ์ที่จะคูณกันได้นั้นต้องตรวจดูมิติของเมทริกซ์ที่จะนำมาคูณก่อน
กล่าวคือ เมทริกซ์ที่หนึ่งต้องมีมิติ ที่จำนวนสดมภ์เท่ากับจำนวนแถวของเมทริกซ์ที่สอง
แล้วเมทริกซ์ที่เป็นผลลัพธ์จะมีมิติเป็นจำนวนแถว เท่ากับ จำนวนแถวของเมทริกซ์ที่หนึ่งและจำนวนสดมภ์เท่ากับจำนวนสดมภ์ของเมทริกซ์ที่สองหลังจากนั้นนำเมทริกซ์มาคูณกันได้โดยการนำสมาชิกแถวของเมทริกซ์ที่หนึ่งคูณกับสมาชิกที่อยู่ในสดมภ์ของเมทริกซ์ที่สองแล้วนำมารวมกัน
ดังนั้นเขียนในรูปทั่วไป
สำหรับการคูณเมทริกซ์ได้ดังนี้
ให้
A =
เป็นเมทริกซ์มิติ
1xn

B =
เป็นเมทริกซ์มิติ
n x1ตัวอย่าง 12

AB =
ให้ A, B เป็นเมทริกซ์

A =
[1 2
3 ]
B =
จงหา AB

วิธีทำ A มีมิติ 1x3 ส่วน B มิติ 3x3
ซึ่งจำนวนสดมภ์ของเมทริกซ์
A เท่ากับจำนวนแถวของเมทริกซ์ B ทำให้สามารถคูณกันได้
AB = [1
2 3 ]1x3

=
= [10+40+30
-1-4-9]

= [ 80
-14]
จะเห็นว่าเมทริกซ์ A เป็นเมทริกซ์ที่มีมิติ
1x3 และ B เป็นเมทริกซ์ที่มีมิติเป็น 3x2 ซึ่งสามารถคูณกันได้เพราะจำนวนสดมภ์
ของเมทริกซ์ A เป็น 3 ซึ่งเท่ากับจำนวนแถวของเมทริกซ์ B ผลลัพธ์ของเมทริกซ์ใหม่มีมิติเป็น
1x2 สำหรับการคูณนั้นสมาชิก
ของแถวที่ 1 ของเมทริกซ์ A คูณกับสดมภ์ที่ 1 ของเมทริกซ์ B แล้ว นำผลลัพธ์ของการคูณรวมกัน จะเป็นสมาชิกของ
เมทริกซ์ใหม่ที่อยู่ในตำแหน่งแถวที่ 1 และสดมภ์ที่ 1 สำหรับสมาชิกอื่นๆ
จะทำทำนองเดียวกัน
ตัวอย่าง 9.13
ศูนย์กลางค้าแห่งหนึ่งได้จัดรายการสินค้า เพื่อลดราคาของสองสาขา
ซึ่งได้แสดงข้อมูลเป็นสองตาราง
คือตารางที่ 2.1 และ 2.2 ซึ่งแสดงไว้ที่ข้างล่างนี้ โดยตารางที่ 2.1 เป็นตารางแสดงราคาขายต่อหน่วยของสินค้า
แชมพู
สบู่ ยาย้อมผม ส่วนตารางที่
2.2 เป็นตารางแสดงจำนวนเงินที่ลดต่อหน่วยของสินค้า
ตารางที่ 9.1
แสดงราคาขายต่อหน่วยของสินค้าที่เป็นแชมพู สบู่ ยาย้อมผม
ตารางที่ 9.2 แสดงจำนวนเงินที่ลดต่อหน่วยของสองสาขา
ศูนย์กลางค้านี้ต้องการที่จะทราบว่าจำนวนเงินที่ลดทั้งหมดของการขายสินค้า
แชมพู สบู่ ยาย้อมผมต่อหน่วย
ของทั้งสองสาขาเป็นเท่าไร
วิธีทำ
ข้อมูลของตารางที่ 9.1 แปลงเป็นเมทริกซ์ได้ดังนี้

ข้อมูลของตารางที่ 9.2 แปลงเป็นเมทริกซ์ได้ดังนี้
ดังนั้นจำนวนเงินที่ลดทั้งหมดของทั้งสองสาขาเป็นดังนี้


= 

= 

จากผลลัพธ์ที่ได้แสดงว่า
สาขาที่ 1 จำนวนเงินที่ลด แชมพู 1 ขวดเป็น 124 บาท
สบู่ 1 ขวดเป็น 36 บาท
ยาย้อมผม 1 ขวดเป็น 334 บาท
สาขาที่ 2 จำนวนเงินที่ลด แชมพู 1 ขวดเป็น 86 บาท
สบู่ 1 ขวดเป็น 29 บาท
ยาย้อมผม 1 ขวดเป็น 226 บาท
สาขาที่ 1 จำนวนเงินที่ลด แชมพู 1 ขวดเป็น 124 บาท
สบู่ 1 ขวดเป็น 36 บาท
ยาย้อมผม 1 ขวดเป็น 334 บาท
สาขาที่ 2 จำนวนเงินที่ลด แชมพู 1 ขวดเป็น 86 บาท
สบู่ 1 ขวดเป็น 29 บาท
ยาย้อมผม 1 ขวดเป็น 226 บาท
ดีเทอร์มิแนนต์
ดีเทอร์มิแนนต์
เป็นฟังก์ชันจานจำนวนจริงไปยังจำนวนจริง ซึ่งสัญลักษณ์ของงดีเทอมิแนนต์ แทนได้ 2
แบบคือให้คำว่า det
และใช้สัญลักษณ์ | |
ใช้คำว่า det
เป็นการใช้คำว่า det
นำหน้าชื่อของเมทริกซ์ หรือ
นำหน้าเมทริกซ์ที่ประกอบด้วยสมาชิก
ตัวอย่าง 14 เป็นตัวอย่างของการใช้สัญลักษณ์คำว่า
det แทนดีเทอร์มิแนนต์
ถ้าให้ A เป็นเมทริกซ์ ที่มีค่าเป็น
ถ้าให้ A เป็นเมทริกซ์ ที่มีค่าเป็น
A = 

ดังนั้นดีเทอร์มิแนนต์ของ
A แทนเป็น
det A เป็นการใช้ det นำหน้าชื่อเมทริกซ์
det A เป็นการใช้ det นำหน้าชื่อเมทริกซ์
หรือ
det(
) เป็นการใช้
det นำหน้าเมทริกซ์ที่ประกอบด้วยสมาชิกของ A

ใช้สัญลักษณ์ | |
ที่ภายในสัญลักษณ์นี้
เป็นชื่อของเมทริกซ์หรือสมาชิกของเมทริกซ์
ตัวอย่าง 15 ถ้าให้ A เป็นเมทริกซ์ ที่มีค่าเป็น
ตัวอย่าง 15 ถ้าให้ A เป็นเมทริกซ์ ที่มีค่าเป็น
A = 

ดังนั้นดีเทอร์มิแนนต์ของ
A แทนเป็น
| A |
เป็นการใช้สัญลักษณ์ | | ที่ภายในสัญลักษณ์เป็น ชื่อของเมทริกซ์ ในที่นี้คือ A
หรือ
| A | = 

เป็นการใช้สัญลักษณ์ภายในสัญลักษณ์นี้เป็นสมาชิกของเมทริกซ์
ในที่นี้คือ -3
3 2
-8 4 5
6
7 -1
วิธีการหาดีเทอร์มิแนนต์
ในที่นี้จะใช้การพิจารณาจากมิติของเมทริกซ์จัตุรัสในการเลือกวิธีการใช้ในการหาค่าของดีเทอร์มิแนนต์
โดยจะกล่าวถึงการหาสำหรับเมทริกซ์ 2x2 ขึ้นไป
โดยจะกล่าวถึงการหาสำหรับเมทริกซ์ 2x2 ขึ้นไป
เมทริกซ์มิติ 2x2
สำหรับเมทริกซ์มิติ
2x2 ในที่นี้ขอแนะนำให้ใช้สูตรในการหาค่าของดีเทอร์มิแนนต์ดังนี้
ให้ A = 

ดังนั้น
det A
= ad-bc เมื่อ
a, b, c, d เป็นจำนวนจริง
0 ความคิดเห็น: