Expo & Log

01:07:00 THE MATHRIC Q&A 0 Comments

Expo&log
ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล (Exponential Function)
            จากการศึกษาในเรื่องเลขยกกำลัง  ซึ่งท้ายที่สุดเราได้สนใจเลขยกกำลังที่มีฐานเป็นจำนวนจริงบวก  และเลขชี้กำลังเป็นจำนวนจริงใด ๆ
            แต่ได้มีนักคณิตศาสตร์ได้สังเกตเห็นว่า  ถ้าเลขยกกำลังมีฐานเป็น 1  และเลขชี้กำลังเป็นจำนวนจริงใด ๆ ดังนี้

            ถ้ากำหนดให้      a = 1  และ x เป็นจำนวนจริงใดแล้วจะได้
                                                ax          =          1x         =          1

            ข้อสังเกต
1.       ไม่ว่า x จะเป็นจำนวนจริงใด ๆ ก็ตาม 1x ก็ยังคงเท่ากับ 1 เสมอ  ดังนั้นจึงไม่น่าสนใจ  เนื่องจาก  เราทราบว่ามันเป็นอะไรแน่ ๆ อยู่แล้ว
2.       เรายังไม่ทราบนะว่า  เลขยกกำลังที่มีฐานเป็นจำนวนจริงบวกยกเว้น 1  และเลขชี้กำลังเป็นจำนวนจริงใด ๆ แสดงว่าเราจะต้องสนใจศึกษาเลขยกกำลังลักษณะนี้เป็นพิเศษ  ซึ่งจะกล่าวถึงใน  เรื่องฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลดังนี้

ข้อกำหนด  (ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล)
ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล คือ f = { (x, y) Î R ´ R+ / y = ax , a > 0, a ¹ 1 }

ข้อตกลง            ในหนังสือคณิตศาสตร์บางเล่มให้ข้อกำหนดของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล  เป็นฟังก์ชันที่อยู่ในรูป f(x) = kax  เมื่อ k เป็นค่าคงตัวที่ไม่ใช่ 0 และ a เป็นจำนวนจริงบวกที่ไม่เป็น 1 แต่ในหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายนี้  จะถือว่าฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลจะอยู่ในรูป f(x) = ax  เมื่อ a เป็น จำนวนจริงบวกที่ไม่เป็น 1 เท่านั้น

ข้อสังเกต  จากข้อกำหนดฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล
1.       f(x) = 1x เป็นฟังก์ชันคงตัวเนื่องจาก 1x = 1  ดังนั้นในข้อกำหนดฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล  จึงไม่สนใจ  ฐาน (a) ที่เป็น 1
2.       f(x) = 1x  ไม่เป็นฟังก์ชันเอ็กซ์โพเนนเชียล  เนื่องจาก  f(x) = 1x เป็นฟังก์ชันคงตัว

3.       จากเงื่อนไขที่ว่า  y = ax, a > 0, a ¹ทำให้เราทราบได้เลยว่าฐาน (a) มีอยู่ 2 ลักษณะ คือ  0 < a < 1 กับ a > 1
1.       ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลจะมีอยู่ 2 ชนิด  โดยขึ้นอยู่กับลักษณะของฐาน (a)  ดังนี้
ชนิดที่ 1 y = ax, 0 < a < 1
ชนิดที่ 2 y = ax, a > 1



µ  ฟังก์ชันลอการิทึม
เกริ่นนำ
            เนื่องจาก  ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล  { (x, y) Î R x R+ / y = ax , a > 0, a ¹ 1 } เป็นฟังก์ชัน 1-1  จาก R ไปทั่วถึง R+
            ทำให้เราทราบได้เลยว่า  อินเวอร์สของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล  จะเป็นฟังก์ชันแน่ ๆ และยังเป็นฟังก์ชัน 1-1  จาก R+ ไปทั่วถึง R
            ถ้าเราเปลี่ยน x เป็น Y และเปลี่ยน y เป็น x  ที่เงื่อนไขของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล  จะได้ฟังก์ชันอินเวอร์สจของฟังก์ชันเอกซ์โพเนเนเชียลคือ
            { (x, y) Î R+ x R / x = ay , a > 0, a ¹ 1 }

µ  จุดกำเนิดของฟังก์ชันลอการิทึม
            เนื่องจากนักคณิตศาสตร์ทั่วไปไม่นิยมให้เงื่อนไขของฟังก์ชันใด ๆ อยู่ในรูป
                        ตัวแปรต้น (x)  =  กลุ่มของตัวแปรตาม (y)
            แต่นิยมให้เงื่อนไขอยู่ในรูป
                        ตัวแปรตาม (y)  =  กลุ่มตัวแปรต้น (x)
            พบว่า  ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล  { (x, y) Î R x R / y = ax, a > 0, a ¹ 1}  มีเงื่อนไข
                        ตัวแปรตาม (y) = aตัวแปรต้น (x) ซึ่งอยู่ในรูปแบบที่นิยมอยู่แล้ว
            แต่  ฟังก์ชันอินเวอร์สของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล { (x, y) Î R x R / x = ay , a > 0,        a ¹ 1 } มีเงื่อนไข
                        ตัวแปรต้น (x) = aตัวแปรตาม (y) เห็นไหมไม่อยู่ในรูปแบบที่นิยม

            ดังนั้น  นักคณิตศาสตร์จึงอยากจะเปลี่ยนเงื่อนไข  ฟังก์ชันอินเวอร์สของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล  ใหม่เพื่อให้อยู่ในรูปแบบที่นิยมโดยกำหนดให้เขียน  x = ay ใหม่เป็น y = logax แบบดื้อ ๆ เลย

            ข้อตกลง
1.       logaถูกอ่านออกเสียงว่า  ลอการิทึมเอกซ์ฐานเอ  หรือ  ล็อกเอกซ์ฐานเอ
2.       ฟังก์ชันอินเวอร์สของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลสามารถเขียนใหม่ได้เป็น { (x, y) Î R+ x R / y = logax, a > 0, a ¹ 1 }
3.       ฟังก์ชันอินเวอร์สของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล  ถูกเรียกใหม่ว่า  ฟังก์ชันลอการิทึม

ข้อกำหนด
            ฟังก์ชันลอการิทึม คือ { (x, y) Î R+ x R / y = logax , a > 0, a ¹ 1 }
            เป็นอินเวอร์สของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล  { (x, y) Î R x R+ / y = ax ,a > 0, a ¹ 1 }

µ  กราฟของฟังก์ชันลอการิทึม
            จากที่เราทราบอยู่แล้วว่าฟังก์ชันลอการิทึม  กับ  ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลเป็นอินเวอร์สซึ่งกันและกัน  แสดงว่า  กราฟของฟัง์ชันทั้งสองจะสมมาตรซึ่งกันและกัน  เมื่อเทียบกับเส้นตรง y = x
           












0 ความคิดเห็น: